เข้าทำเนียบ ถึงแม้ว่าบางบุคคลจะคิดเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันได้โอกาสที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพลาดท่าแพ้ หงส์แดง คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 

เข้าทำเนียบ แม้กระนั้นก็คงจะ มีไม่กี่ผู้ที่ จะมีความรู้สึกว่า จำนวนบนสกอร์บอร์ดจะเป็น 0-5 เนื่องจากทั้งสองต่างก็เป็นกลุ่มใหญ่กันทั้งสอง และก็มีนักเตะมีชื่อเสียงอยู่ในกลุ่มหลายราย

ดังนี้ นี่ไม่ใช่คราวแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้คู่แข่งขันด้วยสกอร์ที่เยินไม่ถูกกับการที่พวกเขาเป็นกลุ่มใหญ่ ตั้งแต่แมื่อที่ลีกสูงสุดของอังกฤษแปลงมาใช้ชื่อเป็น พรีเมียร์ลีก https://www.spreadsheet-sports.com

เข้าทำเนียบ

รวมทั้งวันนี้พวกเราจะมายกแบบอย่างกันสักนิดสักหน่อยว่าเคยมีเกม พรีเมียร์ลีก นัดหมายไหนบ้างที่ “ปีศาจแดง” พ่ายด้วยผลต่างถึง 5 ประตูราวกับอย่างวันอาทิตย์ก่อนหน้านี้

หลายท่านบางครั้งก็อาจจะยังจำเกมนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นใหม่ๆเมื่อไม่กี่ปีกลายนี่เอง แถมที่ปรึกษาของกลุ่มก็ยังเป็น โอเล่ กุนนาร์โซลชา ราวกับเกมแดงเดือด

นัดหมายปัจจุบันอีกต่างหาก โดยแท้จริงวันนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 2 จากลูกจุดลูกโทษของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก่อนที่จะ สเปอร์ส จะมารัวทีเดียว 6 ลูก

ดังนี้ ตอนต้นมันทำท่าว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะฟื้นได้เร็วจากการชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4-1 ในเกมลีกนัดหมายถัดมา แต่เปลี่ยนเป็นว่าเกมลีก 2 นัดหมาย

หลังจากนั้นพวกเขาทำเป็นเพียงแค่เสมอกับ เชลซี 0-0 แล้วก็แพ้ อาร์เซน่อล 0-1 โดยมันยังเตะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อีกทั้ง 2 เกมด้วย หรือก็คือในเวลานั้นกลุ่มของ โซลชา เก็บชัยในลีกกับการเล่นที่บ้านมิได้ถึง 3 ครั้งติดกัน

นี่นับว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่มีผลเสียหลายสิ่งหลายอย่างกับกลุ่มของผู้จัดการทีมฟุตบอล เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ว่าจะเป็นการเสีย 6 ลูกสำหรับการลงเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นครั้งแรกนับจากปี 1930, พ่ายแพ้คาบ้านแบบบรรลัยเยอะที่สุดในรอบ 56 ปี

และก็วิธีการทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลาดแชมป์ลีกในตอนปลายจากการมีคะแนนพอๆกับ “เรือใบสีฟ้า” แม้กระนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ส่งผลต่างประตูได้-เสีย ห่วยแตกกว่า บ้านผลบอลเมื่อคืน

เข้าทำเนียบ

แม้กระนั้น จากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ฟื้นได้จากการไม่แพ้ใครกันแน่ในลีกไปอีก 9 ครั้งต่อๆกัน โดยในปริมาณนั้นเป็นการชนะถึง 8 เกมด้วย ก่อนที่จะถูก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส หยุดความร้อนแรงในวันส่งท้ายปีเก่าด้วยการแพ้ไป 2-3

ในตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในตอนที่ฮึกเหิมสุดๆ พวกเขาพึ่งทำทริปเปิ้ลแชมป์ได้ในช่วงฤดูกาล 1998-99, ไม่แพ้ผู้ใดในลีกเลยในตอน 9 ครั้งแรกของฤดู 1999-2000 แถมยังเป็นการเก็บชัยได้ตั้ง 6 เกมอีกต่างหาก

อย่างไรก็แล้วแต่ เชลซี ก็มาเบรกความฮอตของ แมนฯ ยูไนเต็ด จากการเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนกลุ่มของ เฟอร์กูสัน 5-0 ซึ่งส่วนหนึ่งส่วนใดที่เป็นถ้าอย่างงั้นก็เพราะเหตุว่า กุสตาโว่ โปเยต์ ทำแต้มขึ้นนำให้ เชลซี ได้ภายหลังเริ่มเกมไปเพียงแค่ 27 วินาทีเพียงแค่นั้น

โดยเกมลีกนัดหมายถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด แก้ตัวได้ด้วยการชนะ วัตฟอร์ด 4-1 แต่ว่าก็เครื่องสะดุดอีกรอบจากการแพ้ สเปอร์ส 1-3 แต่กระนั้น ในที่สุดแล้วในช่วงฤดูกาลดังกล่าวข้างต้น แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้แชมป์ลีกอยู่ดี

วันนั้นเป็นวันที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นเกมลีกเป็นนัดหมายที่ 10 ของฤดู ซึ่งก่อนหน้าใกล้จะถึงเกมกับ “สาลิกาดง” ผลงานของพวกเขาก็อยู่ในระดับปานกลางไปจนกระทั่งน่าผิดหวังนิดๆภายหลังที่ 9 เกมก่อนหน้านั้นกลุ่มของ เฟอร์กูสัน ชนะ 5 เกมกับเสมอ 4 ที

อย่างไรก็ดี พอเพียงถึงวันที่ไปเยี่ยม เซนต์ เจมส์ พาร์ค กลายเป็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ไปด้วยสกอร์ที่เละเทะสุดๆแถมต่อจากนั้นก็ยังราวกับเมาหมัดจนถึงแพ้ในลีกเพิ่มเติม 2 เกม โน่นเป็นการออกไปแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-6 รวมทั้งแพ้ เชลซี คาบ้าน 1-2 ยังเยี่ยมที่สุดด้านหลังในช่วงฤดูกาล นั้นพวกเขา เป็นแชมป์ลีกในตอนปลายได้ โฟเด้นคนต่อไป